อัคคีภัยเป็นภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงาน หรืออาคารที่พักอาศัย การมี เส้นทางหนีไฟที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้อาคารสามารถอพยพออกจากพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย ลดโอกาสในการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
การออกแบบเส้นทางหนีไฟต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายและมาตรฐาน เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และมาตรฐานสากล เช่น NFPA 101: Life Safety Code ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกแบบและบำรุงรักษาทางหนีไฟให้สามารถใช้งานได้จริงในกรณีฉุกเฉิน
คุณลักษณะของเส้นทางหนีไฟที่ถูกต้อง
1. ทางเดินหนีไฟที่ปลอดภัย
เส้นทางหนีไฟต้องเป็นทางเดินที่สามารถนำผู้ใช้อาคารออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยภายนอกอาคารได้โดยเร็วที่สุด ข้อกำหนดสำคัญของทางเดินหนีไฟ ได้แก่
- ความกว้างเพียงพอ กฎหมายกำหนดให้ความกว้างของทางเดินหนีไฟต้องไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตรสำหรับอาคารทั่วไป และไม่น้อยกว่า 110 เซนติเมตรสำหรับอาคารสูง
- ไม่มีสิ่งกีดขวาง ห้ามมีวัสดุหรือสิ่งของกีดขวางตลอดแนวทางเดินหนีไฟ
- พื้นเรียบและปลอดภัย หลีกเลี่ยงการใช้พื้นลื่นหรือวัสดุที่อาจทำให้สะดุดล้ม
2. ป้ายสัญลักษณ์และไฟส่องสว่าง
ป้ายทางหนีไฟ และ ไฟฉุกเฉิน เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้อาคารสามารถหาทางออกได้แม้ในสภาวะแสงน้อยหรือมีควันหนาทึบ
- ป้ายทางหนีไฟควรมีสัญลักษณ์รูปคนวิ่ง (Exit Sign) และลูกศรชี้ไปทางออก โดยมีขนาดที่มองเห็นได้ชัดเจน
- ไฟส่องสว่างฉุกเฉินต้องติดตั้งตามแนวทางเดินหนีไฟและสามารถทำงานได้อย่างน้อย 90 นาทีหลังจากไฟฟ้าดับ
3. ข้อกำหนดเกี่ยวกับประตูหนีไฟ
ประตูหนีไฟเป็นจุดสำคัญในการอพยพผู้คนออกจากอาคาร คุณสมบัติของประตูหนีไฟที่ดี มีดังนี้
- ต้องเปิดออกไปทางด้านนอก เพื่อป้องกันการเบียดเสียดกันระหว่างการอพยพ
- มีระบบปิดอัตโนมัติ เพื่อลดการแพร่กระจายของไฟและควัน
- สามารถทนไฟได้ไม่น้อยกว่า 60 นาที ตามมาตรฐาน UL หรือ BS
4. ระบบระบายควันและอากาศ
ควันไฟเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการสำลักและเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ ระบบระบายควันช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตโดยลดปริมาณควันที่สะสมในอาคาร องค์ประกอบสำคัญของระบบระบายควัน ได้แก่
- ช่องระบายควัน เช่น หน้าต่างบานเปิด หรือช่องระบายอากาศบนหลังคา
- พัดลมระบายอากาศ ในอาคารขนาดใหญ่ที่ต้องการควบคุมการไหลของควัน
- ระบบควบคุมแรงดันอากาศในบันไดหนีไฟ ป้องกันไม่ให้ควันเข้าสู่ทางหนีไฟ
5. การออกแบบทางหนีไฟตามหลักวิศวกรรม
การออกแบบเส้นทางหนีไฟต้องคำนึงถึงหลักวิศวกรรมและพฤติกรรมของมนุษย์ขณะเกิดเหตุ โดยคำนวณเวลาการอพยพ (Evacuation Time) และความสามารถรองรับของทางหนีไฟ หลักเกณฑ์สำคัญที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่
- จำนวนผู้ใช้อาคารต้องไม่เกินขีดความสามารถของทางหนีไฟ
- ตำแหน่งของบันไดหนีไฟต้องอยู่ในระยะที่สามารถเข้าถึงได้ภายใน 30 เมตร
- ควรมีเส้นทางหนีไฟสำรองอย่างน้อย 2 เส้นทางในอาคารที่มีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางเมตร
เพลิงไหม้เป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การมี เส้นทางหนีไฟที่ถูกต้อง และ ความรู้ในการรับมือเหตุฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้น ดับเพลิงขั้นต้นและซ้อมอพยพหนีไฟ อบรม ทุก1 ปี เพื่อเป็นการทบืวนความรู้ให้กับพนักงาน นักเรียน หรือผู้ใช้สถานที่นั้นๆอยู่เสมอ
การบำรุงรักษาและตรวจสอบเส้นทางหนีไฟ ต้องทำอะไรบ้าง
การมีเส้นทางหนีไฟที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เจ้าของอาคารต้องทำการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีแนวทางดังนี้
- ตรวจสอบป้ายทางออกและไฟฉุกเฉินทุก 6 เดือน
- ทดสอบระบบปิดอัตโนมัติของประตูหนีไฟทุกปี
- ตรวจสอบทางเดินหนีไฟว่าไม่มีสิ่งกีดขวางหรือวัสดุไวไฟ
- ซ้อมหนีไฟเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ผู้ใช้อาคารคุ้นเคยกับเส้นทางหนีไฟ
สรุป
เจ้าของอาคารควรให้ความสำคัญกับเส้นทางหนีไฟ โดยออกแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมาย ตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การฝึกซ้อมหนีไฟเป็นประจำจะช่วยให้ผู้ใช้อาคารสามารถอพยพได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
การเตรียมพร้อมที่ดีในวันนี้ อาจช่วยรักษาชีวิตของผู้คนในวันข้างหน้า
ติดต่อสอบถามคอร์สเรียนดับเพลิงขั้นต้นและอพยพหนีไฟ ได้ที่ [email protected]
บทความที่น่าสนใจ
- Fault Tree Analysis : เครื่องมือจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย
- แนวทางการออกแบบแผนฉุกเฉินในโรงงาน เริ่มต้นยังไง
- ISO 20345 คืออะไร มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับรองเท้านิรภัย
- เจาะลึกความเสี่ยงในการทำงาน สาเหตุ ผลกระทบ และวิธีป้องกัน