การเกิดเหตุไฟไหม้ในสถานประกอบการไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของพนักงานและชุมชนโดยรอบได้อีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการ, การเข้าใจถึงอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อไฟไหม้และการใช้มาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ในอนาคต
อุตสาหกรรมที่เสี่ยงไฟไหม้มากที่สุด
1. อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี
อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมีถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เสี่ยงไฟไหม้มากที่สุด เนื่องจากมีการจัดเก็บและใช้สารเคมีที่สามารถติดไฟได้ง่าย เช่น น้ำมัน, ก๊าซ, และสารเคมีที่มีความไวไฟสูง รวมทั้งกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อนสูง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นที่สามารถทำให้เกิดการติดไฟได้ง่าย
มาตรการป้องกัน:
-
- ติดตั้งระบบตรวจจับความร้อนและควัน
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการสารเคมีที่มีความไวไฟ
- ออกแบบระบบระบายอากาศเพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซที่สามารถระเบิดได้
2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
ในอุตสาหกรรมนี้ การใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าคือหัวใจสำคัญของกระบวนการผลิต แต่ก็เป็นสาเหตุที่มักจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้หากอุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดการชำรุดหรือมีการใช้งานไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีของการเดินสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐานหรือการบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสม
มาตรการป้องกัน:
-
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
- ติดตั้งเครื่องป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจร
- ใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟในการเดินสายไฟและการติดตั้งระบบไฟฟ้า
3. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
กระบวนการผลิตอาหารในบางประเภทมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักรที่มีความร้อนสูง เช่น เตาอบ, เครื่องทำความร้อน, หรือเครื่องผสมที่สามารถเกิดประกายไฟได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการสะสมของน้ำมันและสารเคมีที่เป็นอันตรายจากกระบวนการผลิต
มาตรการป้องกัน:
-
- ติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
- เก็บรักษาวัตถุดิบที่สามารถติดไฟได้อย่างปลอดภัย
- ตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนและเครื่องจักรในกระบวนการผลิต
4. อุตสาหกรรมก่อสร้าง
อุตสาหกรรมก่อสร้างมีความเสี่ยงจากการใช้วัสดุก่อสร้างที่สามารถติดไฟได้ เช่น ไม้, พลาสติก, หรือวัสดุที่เคลือบด้วยสารเคมีที่สามารถติดไฟได้ง่าย โดยเฉพาะในระหว่างการก่อสร้างที่มักมีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องมือที่มีความร้อนสูง
มาตรการป้องกัน:
-
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องมือไฟฟ้าให้ปลอดภัย
- จัดพื้นที่เก็บวัสดุที่สามารถติดไฟได้ห่างจากแหล่งความร้อน
- ฝึกอบรมพนักงานให้รู้จักการป้องกัน และการดับเพลิงเบื้องต้น
5. อุตสาหกรรมเหมืองแร่
การทำเหมืองแร่และการขุดเจาะมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักรหนักและการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นและก๊าซที่สามารถระเบิดได้ เช่น ก๊าซมีเทนในเหมืองถ่านหิน
มาตรการป้องกัน:
-
- ติดตั้งระบบตรวจจับก๊าซอันตราย
- บำรุงรักษาเครื่องจักรที่ใช้ในการขุดเจาะอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ระบบการระบายอากาศในพื้นที่ทำงานที่มีความเสี่ยงจากการระเบิด
มาตรการป้องกันไฟไหม้ในสถานประกอบการ
การป้องกันอัคคีภัยในสถานประกอบการต้องใช้มาตรการหลายด้านร่วมกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากไฟไหม้ดังนี้:
- ออกแบบและติดตั้งระบบป้องกันไฟไหม้ที่มีประสิทธิภาพ ระบบดับเพลิงที่ติดตั้งในสถานประกอบการต้องเหมาะสมกับลักษณะการทำงานและความเสี่ยงที่มี โดยระบบดับเพลิงอัตโนมัติ, ระบบสปริงเกลอร์, และเครื่องตรวจจับควันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการป้องกันไฟไหม้
- ฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมของพนักงาน การฝึกอบรมให้พนักงานมีความรู้และทักษะในการใช้เครื่องมือดับเพลิง และการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันไฟไหม้ที่สำคัญ พนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ >> อบรมดับเพลิงขั้นต้น และซ้อมอพยพหนีไฟ
- บำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมือ การบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ ที่ใช้ในสถานประกอบการต้องมีความสม่ำเสมอและตามมาตรฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงการชำรุดหรือการเกิดเหตุการณ์ที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า, การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในเครื่องจักร, และการตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบดับเพลิง
- จัดการและเก็บรักษาวัสดุไวไฟ การเก็บรักษาวัสดุไวไฟและสารเคมีที่เป็นอันตรายต้องมีการวางแผนและจัดการที่ดี เช่น การจัดเก็บในพื้นที่ที่ห่างจากแหล่งความร้อนและการใช้ภาชนะที่มีความทนทานในการบรรจุสารเคมี
- วางแผนฉุกเฉินสำหรับโรงงาน และการตรวจสอบอัคคีภัย การมีแผนการฉุกเฉินสำหรับการอพยพและการดับเพลิงในสถานการณ์ไฟไหม้ เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องมีนอกเหนือจาก 5 อุตสหกรรมเสี่ยงก็ต้องมี โดยต้องมีการฝึกซ้อมการอพยพอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งตรวจสอบแผนการดับเพลิงและสถานที่ที่ต้องใช้ เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์จริง
สรุป
การป้องกันไฟไหม้ในสถานประกอบการเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย การเข้าใจถึงอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อไฟไหม้และการนำมาตรการป้องกันที่เหมาะสมมาปฏิบัติสามารถช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ โดยไม่เพียงแต่จะป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาความปลอดภัยของพนักงานและทรัพย์สินในองค์กรได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิง
- National Fire Protection Association (NFPA). (2020). NFPA 101: Life Safety Code. NFPA.
- Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2021). Fire Safety. United States Department of Labor.
- Health and Safety Executive (HSE). (2020). Fire Safety in the Workplace. HSE.gov.uk.