In-Ear Monitors vs. Stage Monitors แบบไหนดีกว่ากัน?

by administrator
in-ear-monitors-vs-stage-monitors

การเล่นคอนเสิร์ต นอกจากเครื่องเสียงคอนเสิร์ตที่ดีและมีคุณภาพเพื่อให้เสียงที่ไพเราะแก่ผู้ฟังแล้ว อุปกรณ์สำหรับการฟังเสียงตัวเองของนักดนตรีและนักร้องก็สำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นในวันนี้เราจะไปรู้จักกับ In-Ear Monitors และ Stage Monitors ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

In-Ear Monitors (IEM)

หูฟังอินเอียร์เป็นหูฟังขนาดเล็กที่ออกแบบมาให้พอดีกับหูโดยตรง นักดนตรีและนักร้องใช้กันอย่างแพร่หลายในระหว่างการแสดงสด ซึ่งอาจจะมีคัสต้อมโดยเฉพาะสำหรับนักดนตรีแต่ละคนด้วยการพิมพ์หูด้วย โดยนี่คือข้อดีและข้อเสียของ IEM

ข้อดี

  • การแยกเสียง : IEM ปิดกั้นเสียงรบกวนรอบข้างได้มากกว่า 80% ช่วยให้ศิลปินได้ยินเสียงมิกซ์ได้อย่างชัดเจนโดยไม่มีการรบกวนจากภายนอก
  • ความคล่องตัว : ให้อิสระมากขึ้นในการเคลื่อนที่ไปรอบๆ เวทีโดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง
  • คัสต้อมให้เข้ากับแต่ละบุคคน : นักดนตรีแต่ละคนสามารถมีหูฟังส่วนตัวซึ่งถูกปรับและออกแลลให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคน

จุดพิจารณา

  • ความรู้สึกอึดอัด : สามารถทำให้นักร้องและนักดนตรีรู้สึกถูกตัดขาดจากผู้ชมและสมาชิกวงคนอื่นๆเนื่องจากการตัดเสียงรบกวนที่ค่อนข้างเงียบ อาจจะทำให้อึดอัด ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ระบบการรับเสียงรอบข้างเข้ามาภายในหูฟัง
  • ความสบาย : IEM รุ่นทั่วไปอาจจะทำให้ไม่สบายหูได้ และหากใช้ในระยะเวลานาน อาจเป็นอันตรายต่อการได้ยินได้ จึงต้องใช้ Custom IEM
  • ต้นทุน : IEM คุณภาพสูงอาจมีราคาแพง

Stage Monitors หรือ Wedge Monitors

Stage Monitors คือ ลำโพงที่วางอยู่บนเวที โดยมักจะหันไปทางนักร้องนักดนตรี เป็นรูปแบบที่ดั้งเดิม เรียบง่าย และยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยข้อดีหลายๆ อย่าง

ข้อดี

  • เสียงที่เป็นธรรมชาติ : ให้ประสบการณ์เสียงและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากกว่าแบบหูฟัง
  • ใช้งานง่าย : ติดตั้งและใช้งานได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีมิกซ์พิเศษ
  • ใกล้ชิดกับผู้ชม : นักดนตรีรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้ชมมากขึ้น

จุดพิจารณา

  • เสียงสะท้อน : มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดเสียงสะท้อนหากไม่ได้มีการจัดวางหรือออกแบบอย่างเหมาะสม
  • ระยะการใช้งานที่จำกัด : ศิลปินต้องอยู่ในระยะที่กำหนดจึงจะได้ยินเสียงจากลำโพงได้อย่างชัดจน

ความแตกต่างของ In-Ear Monitors และ Stage Monitors

การออกแบบและการใช้งาน

  • IN-EAR MONITORS : เป็นหูฟังที่สวมเข้ากับหูได้กระชับ เป็นเสียงส่วนบุคคลของนักร้องนักดนตรีแต่ละคนและส่งเสียงเข้าหูโดยตรง
  • Stage Monitors : คือ ลำโพงที่วางอยู่บนเวที โดยทั่วไปจะอยู่ด้านหน้านักร้องนักดนตรี โดยหันเสียงเข้าไปภายในเวที

คุณภาพของเสียง

  • IN-EAR MONITORS : ให้เสียงที่ชัดเจนแก่นักร้องนักดนตรีโดยตรง โดยปิดกั้นเสียงรบกวนรอบข้างจากเวทีและผู้ชม
  • Stage Monitors : ส่งเสียงในลักษณะที่เปิดกว้าง ช่วยให้นักร้องนักดนตรีได้ยินเสียงตัวเองและวงดนตรีชัดเจนมากกว่าการใส่หูฟัง

ความคล่องตัว

  • IN-EAR MONITORS : ช่วยให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากคุณภาพเสียงไม่เปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนไหวบนเวที
  • Stage Monitors : นักร้องนักดนตรีอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเพื่อฟังเสียงอย่างชัดเจน ทำให้อาจจะไม่คล่องตัวเท่าไหร่นัก เพราะไม่สามารถเคลื่อนไหวไปทั่วเวทีได้

การแยกเสียง

  • IN-EAR MONITORS : ให้การแยกเสียงที่ดีเยี่ยม ลดความเสี่ยงของเสียงสะท้อนหรือเสียงก้อง
  • Stage Monitors : มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดเสียงสะท้อนและเสียงก้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ขนาดเล็กหรือเวทีที่มีผู้คนหนาแน่น

ความสะดวกสบาย

  • IN-EAR MONITORS : การใช้งานเป็นเวลานานหรือระดับเสียงที่ดังอาจทำให้มีปัญหาด้านการได้ยินได้
  • Stage Monitors : มีความเสี่ยงน้อยกว่าเนื่องจากไม่ได้เจาะจงส่งเสียงไปที่หูโดยตรง

ต้นทุนและการใช้งาน

  • IN-EAR MONITORS : โดยทั่วไปจะมีราคาแพงกว่าและต้องมีการตั้งค่าเฉพาะทางที่ซับซ้อนกว่า
  • Stage Monitors : โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่าและติดตั้งง่าย โดยมีข้อกำหนดทางเทคนิคที่เรียบง่ายกว่า

สรุป

IN-EAR MONITORS มีเสียงที่เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่หรือมีเสียงดัง ในขณะที่ Stage Monitors ให้ประสบการณ์การฟังที่เป็นธรรมชาติมากกว่า เหมาะสำหรับสถานที่ขนาดเล็กหรือนักร้องนักดนตรีในผับหรือบาร์

You may also like